มีเหตุผลมากมาย สำหรับคนทำงานอย่างเราที่เกิดขึ้นที่ทำงานแล้วไม่มีความสุข และมักจะเลือก “ลาออก” เพื่อไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับชีวิต บางคนที่ไม่พูดอะไร หรือมีสัญญาณว่าจะลาออก แต่กลับยื่นลาออกหน้าตาเฉย แต่ก็จะมีหลาย ๆ คนที่มักชอบพูดว่า เบื่อ เหนื่อย เดี๋ยวจะลาออก แต่ก็ยังไม่ออกสักที เราซึ่งเป็นเพื่อนร่วมก็อยู่ร่วมฟังคำนี้เป็นปี ๆ จนสุดท้ายถึงวัยที่ไปหางานที่อื่นลำบากแล้ว ก็ต้องทนทำงานต่อไป เราจึงนำเอาคำนี้มาเขียนเป็นคอนเท้นสำหรับตอนนี้ นั่นก็คือ “คนพูดไม่ออก คนออกไม่พูด”
แน่นอนว่าการลาออกเป็นเรื่องปกติของคนทำงาน และเป็นสิทธิที่พนักงานออฟฟิตอย่างเรา ๆ สามารถตัดสินใจได้ แต่จะมีสาเหตุใดบ้างที่ทำให้พนักงานอย่างเรา ๆ อยากจะลาออก
1. ปัญหาเรื่องคน
คนเรามาจากหลายทาง หลากหลายทางการศึกษา และการเติบโต แน่นอนว่าเมื่อมาทำงานร่วมกันย่อมต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างไม่มากก็น้อย และปัญหาเรื่องคนเนี่ยแระ ที่เป็นปัญหายอดฮิตติดอันดับต้นๆ ของสาเหตุการลาออก ปัญหาระหว่างเพื่อนร่วมงาน ความไม่ลงรอยกับเจ้านาย การมีปากเสียงกับลูกน้อง หรือแม้กระทั่งทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องตลอด ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีผลกระทบต่อการทำงานแน่นอน เพราะเมื่อคนเราอยู่ด้วยกันทำงานเจอหน้ากัน แต่มีความรู้สึกฉันไม่ชอบคนนี้ ไม่ชอบหัวหน้าแบบนี้ เจอหน้าละไม่อยากจะคุยด้วย ย่อมมีผลกระทบต่อการทำงานแน่นอน เพราะงานบางอย่างจะเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องมาจากการร่วมมือร่วมใจกัน ก็เป็นสาเหตุที่ไม่อาจทำงานด้วยกันได้
2. การทำงานที่เป็น Routine
การที่พนักงานออฟฟิตต้องมาเจอการทำงานที่เป็น routine ในทุก ๆ วัน อาจจะไม่ตอบโจทย์ของคนที่ชอบความท้าทาย การนั่งอยู่ในที่ทำงาน และทำงานวนไปในแต่ละวัน อาจจะให้ความรู้สึกที่เบื่อหน่าย เพราะฉะนั้นการออกไปหาความท้าทายใหม่ ๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
3. งานที่ได้รับมอบหมายเยอะจนเกินไป
แน่นอนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายบริษัทจะมีนโยบาย Freeze คนเอาไว้ โดยไม่มีนโยบายที่จะรับคนเพิ่ม เพื่อ save ค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด เพราะฉะนั้นงานจึงตกกับคนที่อยู่นั่นแระ จากเดิมที่เราได้รับ assign ให้ทำงานนี้อย่างเดียว แต่ปัจจุบันไม่ได้ละ เพราะเพื่อนร่วมงานได้ลาออกทำให้งานมากมายหลายอย่างมารุมอยู่ที่เราคนเดียว กว่าจะทำให้เสร็จได้ในแต่ละวันก็ลากยาวไปถึงมืดค่ำ ก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ลาออกในที่สุด
4. เงินเดือน
เงินเดือนมีผลต่อการทำงานของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ แน่นอน ไม่งั้นจะเรียกว่า มนุษย์เงินเดือนได้อย่างไร เงินเดือนไม่ตอบโจทย์ ก็เป็นอีกเหตุผลหลักที่ทำให้ลาออกได้เช่นกัน เงินเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตในยุคปัจจุบัน เพราะถึงแม้ว่าเราไม่ได้รักงานที่เราทำ แต่ค่าตอบแทนดี เราก็จะต้องทนทำต่อไปเพราะ สามารถหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เงินดีเหมือนกันหมด ทุกอย่างย่อมมีปัจจัยทั้งนั้น เช่น ตำแหน่งหน้าที่การงานในออฟฟิตที่เราอยู่ ความรับผิดชอบ และทุกคนก็ย่อมอยากได้เงินเดือนที่สูง แต่บางคนก็จะอาศัยทางลัดในการยกระดับเงินเดือน คือย้ายงาน เพราะการย้ายงานหมายถึงการอัพเงินเดือน คงไม่มีใครลาออกไป เพื่อไปรับเงินเดือนเท่าเดิมหรอกจริงมั้ย เพราะฉะนั้นจงทำให้ตัวเองเป็นคนที่เก่งเข้าไว้ ให้องค์กรหรือเพือนร่วมงานมีความรู้สึกที่ขาดเราไม่ได้ แล้วผลตอบแทนจะกลับมาเอง
5. Work life Balance
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำนี้ไม่มากก็น้อย เพราะถ้าอยู่ในช่วงทำงาน คำนี้จะวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา สำหรับคนที่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง หักโหมงานจนเสียสุขภาพ ไม่มีเวลาให้ครอบครัว หรือแม้กระทั่งเก็บเอาไปคิดตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่ามันจะกระทบจิตใจในระยะยาว ถ้าขาดการบริหารจัดการให้ดี เราจึงได้เห็นบางคนให้ความสำคัญกับเรื่อง Work-Life Balance มากๆ เวลางานให้อยู่แค่ในช่วงเวลาที่ทำงานเท่านั้น ถ้าเลยจากนั้นจะถือว่าหมดเวลาทำงาน ค่อยคุยกันใหม่วันรุ่งขึ้น เมื่อใดก็ตามที่คนทำงานเริ่มมีความรู้สึกว่าทำงานหนักจนทำให้สุขภาพแย่ ชีวิตพัง ไม่มีเวลาออกกำลังกาย พบปะเพื่อนฝูง หรืองานที่ต้องเดินทางตลอดเวลา เสาร์ อาทิตย์ก็ยังต้องทำงานอีก รับรองได้เลยว่าใบลาออกก็มาได้เหมือนกัน
คงมีสาเหตุอีกหลายสาเหตุในการลาออก แต่ผู้เขียนขอเลือกเหตุผลหลัก ๆ สำหรับคนที่ลาออกมาเท่านี้พอ เนื่องจากที่ผ่านมาก็ได้สัมผัสและถามคนที่ลาออกอยู่หลาย ๆ คน และสาเหตุก็หนีไม่พ้น 5 ข้อด้านบน ซึ่งการที่คนเราจะลาออกไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การลาออกนั้น ต้องมีทิศทางที่จะไปต่อ ไม่ใช่ว่า ฉันไม่พอใจ ฉันเบื่อ แต่ออกไปทำอะไรไม่รู้ ขอไปตายดาบหน้า เอาละกัน แน่นอนว่าคนที่คิดแบบนี้ผิดแน่นอน ด้วยสถาณการณ์ในปัจจุบัน เรื่องหางานไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ละบริษัทได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด การลาออกอย่าให้อารมณ์นำพาไป ต้องคิดให้ถี่ถ้วน และคำนึงการดำเนินชีวิตในอนาคตให้ดี ยิ่งถ้ามีหนี้มีสิน ยิ่งต้องคิดให้เยอะ ถ้าใครที่ยังเบื่องาน ก็ขอให้หางานใหม่ให้ได้ก่อนที่จะลาออก และที่สำคัญต้องดูแลสุขภาพจิตให้ดีด้วย และการทำงานจะผ่านพ้นความทุกข์ยากไปได้แน่นอน
