ยินดีต้อนรับสู่ยุคของ Content อย่างเเท้จริง
คอนเทนต์คืออะไร ? คอนเทนต์คือเนื้อหาที่ผู้ผลิตคัดสรรนำเสนอออกมาให้คนทั่วไปได้บริโภค ไม่ว่าจะอ่าน ดู หรือฟัง
ไม่ว่าจะหันไปทางไหน เราก็จะเห็นคำว่า ‘ยุคดิจิทัล’ เต็มไปหมด ซึ่งก็คือเรื่องจริงนั่นเเหละ นอกจากดิจิทัล ๆ ที่คนพูดกันจนติดหูเเล้ว ยุคนี้ยังถือว่าเป็นยุคเเห่งคอนเทนต์อย่างเเท้จริงด้วย
เราจะเห็นเเบรนด์หรือผู้ผลิตต่าง ๆ พยายามผลิตคอนเทนต์ออกมาเต็มไปหมด เพื่อให้สังคมจดจำ เราได้เห็นคลิปวีดีโอเนื้อหาเข้มข้นเรียกดราม่า ภาพ Infographic ที่ย่อยข้อมูล 100 หน้าจนเหลือเพียงภาพเดียวให้จำง่าย หรือเเม้กระทั่งบทความในเเง่มุมต่าง ๆ (บทความที่คุณอ่านอยู่นี้ก็ถือว่าเป็นคอนเทนต์ชนิดหนึ่ง)
ทำไมผู้ผลิตต้องมานั่งทำคอนเทนต์เอาเป็นเอาตายจนเเรมในสมองเเทบเต็มความจุกันด้วยล่ะ ?
ก็เพราะ ผู้บริโภคคิดมากขึ้นและมีความชอบเฉพาะเจาะจงมากขึ้นนั่นเอง
ปัจจุบันเเบรนด์ต้องกลับมาคิดแล้วว่า การลงเงินในสื่อต่าง ๆ ด้วยปริมาณเม็ดเงินที่มากมายมหาศาลนั้นมันไม่ได้ผลเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หากคอนเทนต์การนำเสนอมันไม่น่าสนใจเอาซะเลย ก่อนจะลงเงินเเต่ละบาท หันกลับมาปัดฝุ่นหรือยกเครื่องคอนเทนต์ของเเบรนด์เสียใหม่ น่าจะเป็นคำตอบที่ชาญฉลาดที่สุดสำหรับยุคนี้
ลงเงินหนักแต่ Content ห่วย มันก็ไปไม่รอด
พฤติกรรมของผู้บริโภคยุค 2017 นั้นมีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเเต่ก่อน หากทำเนื้อหาดี ๆ ให้คนอยากติดตาม เเบรนด์ก็จะมีชื่อเสียงและสร้างความน่าสนใจจนสามารถเพิ่มจำนวนเเฟนคลับได้ไม่ยาก
หากจะพูดถึงสื่อที่สามารถยกระดับคอนเทนต์ของตัวเองและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคหลากหลายกลุ่มได้อย่างเหลือเชื่อ เราคงต้องพูดถึง Workpoint ที่ทำผลงานได้ดีเป็นอย่างมากในรอบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะรายการที่เพิ่งจบซีซั่น 1 ไปอย่าง The Mask Singer หน้ากากนักร้อง (ยินดีกับหน้ากากทุเรียนด้วยนะครับ)
The Mask Singer สามารถสร้างปรากฏการณ์กระชากเรตติ้งจนทะยานขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในสื่อไทยได้อย่างสวยสดงดงาม ด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจของรูปแบบรายการที่เล่นกับพฤติกรรมของมนุษย์ได้อย่างเเนบเนียน ซึ่งก็คือความอยากรู้อยากเห็น ในวันที่เปิดหน้ากากทุเรียน รายการมียอดผู้ชมในสื่อออนไลน์อย่าง Facebook Live และ Youtube Live รวมกันที่ 7.8 ล้านวิว ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งทีเดียว
จะเห็นได้ว่าสื่อทีวีที่ดูจะเป็นสื่อเก่าที่กำลังจะล้าหลังนั้น ยังสามารถกลับมาผงาดครองใจคนทั้งประเทศได้ เพียงผู้ผลิตตั้งใจสร้างคอนเทนต์ที่น่าติดตาม รวมถึงใช้สื่อในมือทุกช่องทางในการนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live และ Youtube Live รวมถึงการตัดต่อคลิปในรายการหลากหลายเวอร์ชั่นมาเรียกยอดวิวเพิ่มอีก เป็นที่น่าเสียดายที่สื่อทีวีบางรายยังยึดติดตัวเลขเรตติ้งจากการดูผ่านโทรทัศน์จนลืมไปเเล้วว่าคนไทยนั้นติดการใช้มือถือขนาดไหน
ทำดีเเทบตาย หากเผลอตกม้าตายตอนจบก็พินาศได้เหมือนกัน
เมื่อจับกลุ่มคนดูได้เยอะเเล้ว สิ่งที่ตามมาคือโฆษณาเข้าเป็นกอบเป็นกำ นั่นจึงเกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของผู้ผลิตว่าควรจะตัดจบตามเเผนเดิมหรือยืดเยื้อออกไปเรื่อย ๆ เพื่อกอบโกยรายได้ดั่งน้ำขึ้นให้รีบตักกันเเน่
ขอปิดจบตรงนี้ว่า ทำคอนเทนต์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ติดตามอย่างเหนียวเเน่นได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวโฆษณาก็เข้ามาเป็นกอบเป็นกำเอง เล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของคนได้ เเต่อย่าให้มันยืดเยื้อจนเค้าเบือนหน้าหนีก็แล้วกัน
