Roger Federer กับการต่อสู้ที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง

0

หากใครที่เป็นแฟนเทนนิส คงจะทราบข่าวล่าสุดของแกรนด์แสลม “Wimbledon” (วิมเบิลดัน) 2017 ที่เพิ่งปิดฉากจบไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมกับแชมป์ประวัติศาสตร์ของชายที่ชื่อว่า “Roger Federer” (โรเจอร์ เฟเดอเรอร์)  เมื่อเขาสามารถคว้าแชมป์แกรนด์แสลม วิมเบิลดัน เป็นสมัยที่ 8 ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการนี้ แซงหน้า พีท แซมพราส และ วิลเลี่ยม เรนชอว์ และเป็นแชมป์แกรนด์แสลมที่ 19 ของเจ้าตัว

โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ก้าวขึ้นมาเป็นนักเทนนิสอาชีพครั้งแรกเมื่อปี 2008 และสามารถคว้าแชมป์แกรนด์แสลมแรกนั่นก็คือรายการ วิมเบิลดัน เมื่อปี 2003 ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 21 ปี เท่านั้น ตลอดระยะเวลาการเล่นเทนนิสอาชีพของโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ เขาสามารถคว้าแชมป์แกรนด์แสลมได้ทั้งหมด 19 รายการ ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของนักเทนนิส โดยแบ่งออกเป็น

เฟร้นช์ โอเพ่น 1 ครั้งปี  

ยูเอส โอเพ่น 5 สมัย

ออสเตรเลียน โอเพ่น  5 สมัย (ครั้งล่าสุดเมื่อต้นปี 2017)

วิมเบิลดัน 8 สมัย

 

ซึ่งในวัย 35 ปี สำหรับนักกีฬาแล้วนั้น ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายกำลังถดถอย การที่จะต้องต่อสู้กับเทนนิสรุ่นใหม่ ที่มีทั้งความสดและพละกำลังมากกว่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่จะฝ่าฟันมาได้ นอกเหนือจากนี้ เฟเดอเรอร์ยังต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็ดที่ได้รับเมื่อปลายปีที่ 2016 ซึ่งทำให้เขาต้องพักรักษาตัวนานหลายเดือน

แต่เฟเดอเรอร์กลับมาได้และทำให้เราเห็นแล้วว่าเขาสามารถที่จะสู้กับนักเทนนิสรุ่นใหม่ได้อย่างทัดเทียมและโชว์คลาสที่เรียกได้ว่าจะหาคนมาเทียบเคียงได้ยาก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เฟเดอเรอร์ลงแข่งแกรนด์แสลมแรกของปี 2017 รายการออสเตรเลียนโอเพ่น และสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ พร้อมทั้งทำสถิติเป็นนักหวดที่อายุมากที่สุดในรอบ 40 ปี ที่ได้เข้าชิงและคว้าแชมป์ เฟเดอเรอร์นั้นมีทั้งความยืดหยุ่นของร่างกาย และจังหวะการเล่นที่เหนือ จึงทำให้เขาสามารถเอาชนะคู่แข่งมาได้ทุกรอบ

ในอนาคตเราคงไม่รู้ได้ว่าโรเจอร์ เฟเดอเรอร์จะตีเทนนิสต่อไปอีกกี่ปี แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำให้เราได้เรียนรู้และนำมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าเส้นทางที่เราเลือกจะเป็นอย่างไร ขอเพียงเป็นสิ่งที่เรารัก จงทำมันให้ดีที่สุด อย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรคที่ขวางหน้า และเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว อย่าหยุดยั้งในการสร้างความสำเร็จนั้นไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะได้เป็นที่จดจำบนโลกใบนี้