ผมเชื่อว่าความรักคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ การทำธุรกิจด้วยหัวใจ นอกจากจะทำให้เรามีความสุขแล้ว ยังเป็นแรงผลักดันให้การตื่นนอนในทุก ๆ เช้ามีความหมาย วันนี้เราอยากพาคุณผู้อ่านทุกท่านมารู้จักร้านตัดผมเล็ก ๆ ร้านหนึ่งเเถวเกษตร-นวมินทร์อย่าง AKADE Hair Salon ที่เจ้าของร้านและช่างตัดผมมือหนึ่งอย่างคุณ เอ รัฐ
เรื่องราวชีวิตตัวเองก่อนเริ่มต้นสู่อาชีพทำผม
สมัยก่อนครอบครัวไม่ได้มีฐานะที่ดีนัก เราเรียนหนังสือจนถึงชั้น ม.3 ก็ไม่ได้รู้สึกอยากเรียนต่อ แต่อยากไปเอาดีด้านตัดผมมากกว่า เหตุผลคือเวลาตรวจเเถวตอนเช้าที่โรงเรียน ครูชอบโกนหัวนักเรียนที่ไว้ผมยาว เราไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับผมเรา เลยต้องเเอบโดดเเถวตอนเช้าเพื่อไม่ให้โดนตรวจ
นอกจากนี้เวลาไปตัดผมที่ร้าน ด้วยความเป็นเด็ก จะสั่งให้ช่างตัดตามใจเราก็ลำบาก เราก็เลยเก็บความข้องใจนั้นกลับมาลองตัดผมเองที่บ้าน ทำให้รู้ตัวว่าชอบตัดผม
ตัดสินใจไม่เรียนต่อ
เวลาผ่านไป ครอบครัวมีฐานะดีขึ้น เราก็อยากขอเงินพ่อไปเรียนตัดผม เเต่อาชีพทำผมสมัยนั้นไม่ใช่อาชีพที่มีความเจริญก้าวหน้า พ่อจึงไม่เห็นด้วยเพราะอยากให้เรียนสูง ๆ มากกว่า
เเม่คือกำลังใจที่ดีที่สุด
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงตัดสินใจบอกแม่ว่าเราอยากเรียนตัดผม แม่ก็ตกใจว่าทำไมไม่เรียนต่อ แต่เเม่ก็สนับสนุน สุดท้ายได้เรียนที่ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร ตอนนั้นอายุ 14 ปี เราตัดสินใจไม่เรียนมัธยมต่อตั้งแต่นั้นมา
ตอนนั้นเเม่เอาเงินเก็บเล็ก ๆ น้อย ๆ มาซื้ออุปกรณ์ตัดผมให้ ทำให้เราคิดเสมอว่าต้องตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเพื่อตอบเเทน เราเรียนไปเรื่อย ๆ ด้วยความตั้งใจว่าจะไปเป็นช่างทำผมให้กับร้านเล็ก ๆ สักร้านหนึ่ง
ชีวิตการทำงานไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด
มันมีองค์ประกอบเยอะมากในการทำอาชีพช่างตัดผม ไม่ว่าจะเป็นความคิด มุมมอง ไหวพริบ การวิเคราะห์งาน ประสบการณ์ หรือการพูดคุย ซึ่งต้องใช้เวลาในการเรียนรู้
ชีวิตการทำงานในช่วงแรกล้มลุกคลุกคลานและผ่านการโดนด่ามาเยอะ เคยคิดว่าตัวเองเก่ง เเต่พอไปลองตัดจริงมันไม่ได้ง่าย และเนื่องจากประสบการณ์ของเรายังน้อย ทำให้เคยถูกเจ้าของร้านไล่ออกจากร้าน เพราะถูกมองว่าตัดผมไม่ดี
“ไม่ต้องตัดผมเเล้ว คุณไม่เหมาะกับอาชีพนี้ ไปไม่รอดหรอก” ตอนที่ได้ยินประโยคนี้เราเสียความรู้สึกมาก และเเทนที่จะใช้มันเป็นแรงผลักดัน แต่ความเป็นจริงกลับท้อจนเลิกตัดผมไปพักหนึ่งเลย
จุดเปลี่ยนที่ไม่คาดฝัน
เราใช้ชีวิตโดยไม่คิดถึงเรื่องตัดผมอีก แต่พอมีเวลาว่างแล้วไม่รู้จะทำอะไร จึงตัดสินใจไปเกณฑ์ทหาร เเต่การเป็นทหารกลับทำให้ได้กลับมาตัดผมอีกครั้ง พอเกณฑ์หารจบ อายุประมาณ 21-22 ปี เรากลับมาเรียนทำผมต่อด้วยการสนับสนุนเต็มที่จากครอบครัว
MOGA
มีโอกาสได้ไปเรียนต่อสถาบันทำผมที่มีชื่อเสียงมากขึ้น ในช่วงที่เรียน ความรู้สึกดี ๆ ก็กลับมาอีกครั้ง พอเรียนจบ เราก็ทำอาชีพตัดผมไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้มาทำ MOGA
การเข้า MOGA ไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่ทดสอบเป็นคนญี่ปุ่นซึ่งเป็นคนละเอียดมาก ๆ ในวันทดสอบ เราก็ตัดผมเเบบที่เราถนัด และสุดท้ายเขาก็เลือกเรา
เคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมเขาถึงเลือก พอมีโอกาสได้ถาม เขาบอกว่าเห็นอนาคตของเราที่น่าจะไปได้ไกล ตอนนั้นก็ไม่รู้อะไรหรอก เเค่รับเราเข้าไปทำงานก็ดีใจมากเเล้ว
จากเด็กเเชมพูสู่ช่างตัดผม
ในช่วงเเรกยังไม่ได้ตัดผม ต้องเข้ารับการฝึกฝนใหม่ทั้งหมดก่อน กว่าจะได้เข้าไปทำงานในร้านก็ประมาณ 4 เดือน ซึ่งก็ยังไม่ได้ตัดอยู่ดี ต้องไปอยู่ในส่วนสระผมก่อน เพราะเขาอยากให้เราทำเป็นหมดทุกอย่าง ไม่ใช่เเค่ตัด
พอมาลองคิดดูเเล้ว จากวันนั้นจนถึงวันสุดท้ายที่ MOGA นับว่าเรามาไกลเหมือนกัน
“ที่ MOGA เขาไม่ได้สอนให้เราเเค่ตัดผม เเต่สอนให้เรามองการตัดผมเป็นงานศิลปะ”
ออกจาก Comfort Zone สู่อนาคตของตัวเอง
จุดเปลี่ยนที่ออกจาก MOGA คือเรารู้สึกอิ่มตัวและอยากออกมาทำอะไรที่เป็นของตัวเอง ตอนนั้นเเฟนอยู่อเมริกาเลยตัดสินใจว่าอยากลองไปเปิดร้านตัดผมที่นั่น ระหว่างที่เรารอวีซ่า เราได้ซื้อบ้านไว้หลังหนึ่งให้ตัวเอง ตอนนั้นไม่ได้คิดจะทำเป็นร้านทำผมเลยด้วยซ้ำ เเต่ลูกค้าเก่าของเราไม่เจอช่างตัดผมที่ถูกใจจึงโทรหาเรา เราก็ไปตัดผมตามบ้านของลูกค้า แต่พอมันเริ่มเยอะขึ้นก็เริ่มไปไม่ไหว จึงตัดสินใจดัดเเปลงบ้านให้เป็นร้านตัดผมเเบบง่าย ๆ ในช่วงเเรก
เปลี่ยนความผิดหวังสู่โอกาส
บ้านเราอยู่เกษตร แต่บ้านลูกค้าอยู่พระราม 2 ลูกค้ายังมาถึงที่นี่ เเม้จะผิดหวังกับการขอวีซ่าไม่ผ่าน แต่การได้เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้า จึงตัดสินใจทำบ้านหลังนี้เป็นร้านตัดผมเเบบเต็มตัว เลยเป็นที่มาของ AKADE Hair Salon
จุดเริ่มต้นของ AKADE
เราได้รับเเนวคิดการทำร้านตัดผมจากญี่ปุ่น ที่มักใช้บ้านของตัวเองหรือพื้นที่ของตัวเองมาทำร้าน ในตอนเเรกการคิดชื่อร้านเป็นเรื่องยากเหมือนกัน เเต่สุดท้ายเอาชื่อของเรา “เอ” กับเเฟน “เกด” มารวมกันเป็น Akade (เอเกด) และสามารถผันเสียงเป็น อา-คา-เดะ ที่เเสดงถึงตัวตนความเป็นญี่ปุ่นเเบบที่เราชอบ
“อยากให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย เป็นส่วนตัว ให้ความรู้สึกเหมือนตัดผมที่บ้านของตัวเอง”
เเนวคิดการทำงานของช่างเอ
AKADE มีเเนวคิดการทำงานโดยยึดหลักความเป็นส่วนตัวของลูกค้าเป็นสำคัญ รวมถึงความประณีตในการให้บริการ ร้านจึงไม่รับลูกค้าเยอะ เฉลี่ย 7-8 คนต่อวัน ลูกค้าจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเวลานี้เป็นเวลาที่คำนวนไว้เหมาะสมเเล้ว เเต่หากทำสีหรือดัดก็จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง
“เอาเงินที่ต้องเช่าที่เเพง ๆ มาพัฒนาการบริการของเราให้ดียิ่งขึ้นดีกว่า”
อุปสรรคที่คาดไม่ถึง
ปัญหาในการทำธุรกิจนี้มักจะเกี่ยวกับคน ในช่วงเเรกเราทำคนเดียว พอลูกค้าเยอะขึ้น จึงหาลูกทีมมาช่วย พอสอนงานเขาจนมีทักษะ เขาก็ลาออกไป แต่เวลาผ่านไปก็ได้คนดี ๆ เข้ามาทำงาน การบริการจึงดีขึ้น
อีกอุปสรรคหนึ่งที่เคยเจอเเละไม่สามารถควบคุมได้ในการทำร้านทำผมในบ้านตัวเอง คือ “ไฟดับ”
วันที่ไฟดับมีลูกค้าอยู่ 3 คน ซึ่ง 1 ในนั้นกำลังดัดผมดิจิทัลอยู่ ลูกค้าเริ่มดัดบ่าย 2 แต่ไฟมา 4 โมง กว่าจะดัดเสร็จเกือบ 2 ทุ่ม ลูกค้ามาจากหาดใหญ่ด้วย เราโชคดีที่ลูกค้าเข้าใจ เเต่ตอนนี้เราเตรียมรับมือกับเรื่องนี้เรียบร้อยเเล้ว ประสบการณ์จะเป็นตัวสอนเราทุกอย่างเองจริง ๆ
เชื่อไหมว่าที่ร้านเคยเจอคนที่ต้องการทดสอบฝีมือของเรา เขามีความคาดหวังในงานสูงมาก สูงกว่าเราจะตอบสนองได้ บทเรียนที่สอนเราในเรื่องนี้คือ เราต้องคุยกับลูกค้าก่อนเสมอ เเม้จะเป็นการคุยผ่านโทรศัพท์ก็ตาม เราต้องวางแผนมากกว่านี้
“ถ้าทำไม่ได้ ต้องยอมรับว่าทำไม่ได้ อย่าทำอะไรเกินความสามารถของตัวเองหรือทำในสิ่งที่ลูกค้าไม่ได้ประโยชน์”
ความภาคภูมิใจ
ความภาคภูมิใจที่สุดในการทำร้านทำผม คือการเปลี่ยนความคิดในสมัยก่อนที่คนมองว่าอาชีพทำผมทำไปก็ไม่เจริญ ให้เป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ เราสามารถซื้อความสุขได้ด้วยอาชีพนี้
การได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนเเปลงของลูกค้าผ่านการออกเเบบทรงผม คืออีกหนึ่งความภาคภูมิใจในการทำอาชีพนี้
ประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง
ทุกวันนี้ไม่ได้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ เราคิดว่าเรายังทำได้ดีกว่านี้ เราอยากเป็นเเบบอย่างของร้านทำผมร้านอื่น ๆ ให้หันมาใส่ใจลูกค้าผ่านการบริการที่ดีกว่านี้
ธุรกิจที่เกี่ยวกับแฟชั่นมันต้องหมุนตามกระเเส จะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องพร้อมรับสิ่งใหม่ ๆ ตลอด หนึ่งสิ่งที่ช่างทำผมต้องให้ความสำคัญ คือการเปิดใจยอมรับสไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าเเต่ละคน
อะไรที่อยากทำให้ตื่นขึ้นมาทำงานในทุก ๆ เช้า
เราสนุก เพราะเรารักการตัดผม การได้เจอลูกค้าใหม่ ๆ ทำให้มุมมองของเราเปลี่ยนไป อาชีพช่างตัดผมไม่ใช่เพียงเเค่ทำผมเท่านั้น เเต่เราได้เเลกเปลี่ยนความคิดกับคนหลากหลายอาชีพ ซึ่งเป็นความตื่นเต้นที่เจอไม่ซ้ำกันทุกวัน
เชื่อไหมว่า รอยยิ้มของลูกค้าในช่วงเวลาที่เค้าเห็นทรงผมใหม่ที่เขาพอใจ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขในการทำอาชีพนี้
“ช่างทำผมเป็นคนเเปลกหน้าที่ลูกค้าไว้ใจ”
อนาคตของ AKADE
AKADE จะเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่เคยคิดเรื่องการเปิดสาขา เพราะเราอยากให้งานของเราคงคุณภาพเเบบนี้เอาไว้ เเต่อนาคตอาจจะขยายร้านให้ใหญ่ขึ้นซึ่งสามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น เเต่ก็จะไม่รับมากเกินไปจนให้บริการได้ไม่ทั่วถึง
นอกเหนือจากธุรกิจนี้อยากทำอะไรอย่างอื่นอีกบ้าง?
ด้วยความเป็นคนชอบทำอาหารด้วย จึงอยากเปิดร้านอาหารริมทะเลในบรรยากาศบ้านทรงไทย โดยเน้นรับลูกค้าต่างชาติที่ต้องการสัมผัสความเป็นไทย เเม้จะเห็นร้าน AKADE เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้ เเต่จริง ๆ เราชอบความเป็นไทยอยู่มาก
ฝากข้อคิดดี ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้อ่าน และผู้ที่จะเริ่มต้นธุรกิจด้วยตนเองหน่อยครับ
การวางแผนคือสิ่งสำคัญ รวมถึงต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า เรารักที่จะทำสิ่งนี้หรือไม่และมีเวลาคลุกคลีอยู่กับมันหรือเปล่า อย่ามองการทำธุรกิจเป็นเพียงเเค่กระเเสนิยม
ผมเชื่อว่าโชคชะตาทำให้ผมได้มารู้จักคุณเอในฐานะช่างตัดผมที่ผมไว้ใจมากว่า 10 ปี การพูดคุยกับคุณเอในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ผมได้สัมผัสถึงชีวิตที่คุณเอต้องฝ่าฟันมากว่าจะมาถึงวันนี้ รวมถึงความรักในการตัดผมที่สะท้อนผ่านแววตาของคุณเอได้เป็นอย่างดี หากใครอยากลองหาร้านตัดผมใหม่ ๆ ลองให้โอกาส AKADE Hair Salon ดูนะครับ อย่าลืมจองล่วงหน้าด้วยล่ะ!
ติดตาม AKADE กันต่อได้ที่ www.facebook.com/AKADEHairSalon